ถ้าหากว่าเราย้อนเวลากลับไปในช่วงยุค 90s แล้วมีคำถามว่ารถกระบะค่ายไหนคือค่ายยอดนิยมที่คนในบ้านเราใช้กันมากที่สุด ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Isuzu คือเบอร์หนึ่งในยุคนั้น ด้วยความที่เป็นค่ายรถกระบะที่ทำออกมาเพื่อการพาณิชย์ทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมไปถึงรถกระบะอเนกประสงค์ที่ขายดีมาโดยตลอด การันตีด้วยยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 จึงครองใจผู้ใช้งานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งก็มีรถกระบะของค่ายอยู่หนึ่งรุ่นที่ถูกเปิดตัวและผลิตของมาในช่วงยุค 90s หลังจากนั้นได้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และถือว่าเป็นรถกระบะที่อยู่คู่กับคนไทยจนได้รับความนิยมกันทั่วบ้านทั่วเมือง นั่นก็คือ Isuzu Dragon Eyes
ในปี 2549 Isuzu ได้เปิดตัวรถยนต์แนวคิด Dragon Eye ที่งานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทย รถคันนี้ได้รับการออกแบบเพื่อแสดงทิศทางการออกแบบใหม่ของ Isuzu โดยมีลักษณะเฉพาะตัวที่ดุดัน ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่และไฟหน้าแบบเหลี่ยม ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยแผงคล้ายเกล็ด และด้านหลังมีสปอยเลอร์ที่โดดเด่น รถยังติดตั้งกล้องมองหลังซึ่งแสดงบนหน้าจอตรงกลางกระจกหลัง
แนวคิดการออกแบบ Dragon Eye ของอิซูซุนั้นมีความดุดันและล้ำสมัยในเชิงของการออกแบบ ส่วนหน้ามีกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ขนาบข้างด้วยไฟหน้าแบบเหลี่ยม ด้านล่างกระจังหน้ามีช่องระบายอากาศลึกพร้อมตาข่ายรังผึ้ง กันชนหน้ายังดุดันด้วยช่องรับอากาศขนาดใหญ่และเส้นมุมที่เฉียบคม
ด้านข้างถูกวางองค์ประกอบด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายและสะอาดตา หัวใจหลักของการออกแบบที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวคือใบมีดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดาบคาทานะของญี่ปุ่นซึ่งเลียบเคียงไปตามด้านล่างของประตู ส่วนท้ายประกอบด้วยไฟท้ายเป็นแบบบางและยาวซึ่งพันรอบข้างรถ พวกเขาเชื่อมต่อกันด้วยแถบไฟ LED แบบเต็มความกว้างซึ่งขยายความกว้างของส่วนท้าย กันชนหลังมีลักษณะเป็นเหลี่ยมมากและมีองค์ประกอบสไตล์ดิฟฟิวเซอร์
แนวคิด Dragon Eye ถูกแต่งเติมให้น่าจดจำด้วยงานทาสีแดงสดและเน้นสีดำ รูปลักษณ์โดยรวมนั้นดุดันและสะดุดตาอย่างแน่นอน เป็นที่ชัดเจนว่า Isuzu ตั้งเป้าที่จะให้ภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์และสปอร์ตขึ้นด้วยแนวคิดนี้ ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
สเปกของรถยนต์ Isuzu Dragon Eye
-
กำลังขับเคลื่อนหลักของ Isuzu Dragon Eye ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 130 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
-
รถยนต์รุ่นนี้มีน้ำหนักรวม 1,270 กก. และน้ำหนักรถรวม 1,795 กก. ระยะฐานล้อ 2,470 มม. ยาว 4,285 มม. กว้าง 1,695 มม. และสูง 1,730 มม. มีระยะห่างจากพื้นถึง 175 มม. และรัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร
-
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติมาตรฐาน เช่น กระจกไฟฟ้า กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค เครื่องเล่นซีดี และเครื่องปรับอากาศ ระบบความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ABS พร้อม EBD และระบบช่วยเบรก
ข้อดีและข้อเสียของ Isuzu Dragon Eye
ข้อดี
- เป็นรถยนต์ที่กว้างขวางมากและสามารถนั่งได้ถึงเจ็ดคนอย่างสบาย
- มีการออกแบบที่เก๋ไก๋และทันสมัยที่จะมอบความเพลิดเพลินขณะขับขี่
- เต็มไปด้วยคุณสมบัติและมีระบบสาระบันเทิงที่มีเทคโนโลยีสูง
- น่าเชื่อถือมากและมีชื่อเสียงในด้านการเป็นรถที่ทนทาน
- คุ้มค่าคุ้มราคาและราคาถูกกว่ารถ SUV อื่น ๆ ในตลาด
ข้อเสีย
- อาจมีรูปลักษณ์ที่ดูใหญ่และสูงไปสักหน่อย การจอดรถยนต์ในที่แคบอาจทำได้ยาก
- ไม่ใช่รถที่เหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรด
- เป็นรถยนต์ที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องการประหยัดน้ำมัน
- มีการผลิตออกมาในจำนวนจำกัด จึงอาจหาอะไหล่ได้ยาก
- การออกแบบรถยนต์อาจดูแปลกตาและไม่ถูกใจใครหลาย ๆ คน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Isuzu Dragon Eye
Q: รถยนต์ Isuzu Dragon Eye เปิดตัวครั้งแรกเมื่อใด? A: Isuzu Dragon Eye เป็นรถสปอร์ตสองที่นั่งขนาดเล็กที่ผลิตโดย Isuzu ระหว่างปี 1989 ถึง 1996
Q: ความเร็วสูงสุดของ รถยนต์ อีซูซุ Dragon Eye คือเท่าใด? A: มีความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. (137 ไมล์ต่อชั่วโมง)
Q: รถยนต์ Isuzu Dragon Eye มีเกียร์ประเภทใดบ้าง? A: เกียร์ธรรมดาห้าสปีด
Q: Isuzu Dragon Eye มีระบบกันสะเทือนแบบใด? A: ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังคอยล์สปริง
Isuzu Dragon Eyes มากับไฟหน้ารูปทรงตราเพชร หรือที่เราเรียกว่ามัลติรีเฟลกเตอร์ กระจายแสงได้ครอบคลุม และ ระยะไกล เพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับได้ดี
รุ่น Dragon Eyes มากับฟังก์ชั่นใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิทยุเทป SONY พร้อมลำโพงถึง 4 จุด, เบรกมือแบบคันโยก, กล่องคอนโซลกลาง, และ ที่เปิดกะบะท้ายแบบ Single Touch เป็นต้น
คันนี้มากับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่น 4JAI Turbo 2,500 ซีซี ระบบ Direct Injection พร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 58 กิโลวัตต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี
Isuzu Dragon Eyes มากับความสามารถในการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม สมชื่อ “อีซูซุ รู้คุณค่าน้ำมันทุกหยด”
รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวถัง Crumble Zone มาตรฐานเดียวกับที่ส่งไปจำหน่ายที่ประเทศออสเตรเลีย ให้ความปลอดภัยยิ่งกว่า รองรับแรงกระแทกดีเยี่ยม อีกทั้งมาพร้อมกับประตูเสริมคานเหล็กนิรภัยป้องกันแรงกระแทกจากด้านข้าง
เนื่องจาก Isuzu Dragon Eyes ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ 2540 ตัวเครื่องยนต์ และ เทคโนโลยีภายในจึงค่อนข้างเก่า สู้รุ่นใหม่จากทางค่ายอย่าง Isuzu D-MAX ไม่ได้
กล่อง ECU ถูกติดตั้งที่เกียร์ ซึ่งมีต่ำแหน่งต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการมีน้ำเล็ดลอดเข้าไปสร้างปัญหาให้แก่การทำงานได้ง่าย
Isuzu Dragon Eyes มากับกำลัง 120HP ซึ่งในปัจจุบันถือว่าไม่ได้แรง สู้เครื่องยนต์ในปัจจุบันไม่ได้
สรุปราคามือสอง
สำหรับราคารถกระบะมือสอง Isuzu Dragon eyes ที่ถูกผลิตขึ้นเป็นเวลาไม่นานมากนัก จึงมีตัวเลือกแต่ละรุ่นของปีที่น้อย แต่ก็มีข้อดีคือมีราคาเริ่มต้นที่ถูก และหลังจากนั้นก็ควต้องมาเช็กระบบและปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับตัวรถ แต่ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหารถกระบะสักหนึ่งคันไว้ใช้งานเพื่อแบกขนสัมภาระ Isuzu Dragon Eyes ตอบโจทย์ได้ตามความต้องการของคุณอย่างแน่นอน หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1998
มาเริ่มต้นกันที่รุ่นแรกในปี 1998 หรือ พ.ศ. 2541 ที่ทางค่าย Isuzu เล็งเห็นถึงเทรนด์เทคโนโลยีที่กำลังมาจึงได้เปิดตัวโฉมแรกของ Isuzu Dragon Eyes ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้าตราเพชรหรือที่เรียกกันว่ามัลติรีเฟลกเตอร์ โดยรูปแบบการดีไซน์ของตัวรถยังคงไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าสักเท่าไหร่ แต่โฉมนี้จะลดความเหลี่ยมแล้วเพิ่มความโค้งมนเข้ารูปที่ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารยังเพิ่มเครื่องเล่นวิทยุที่สามารถใส่เทปได้ รวมไปถึงลำโพง 4 จุด ที่ช่วยมอบความบันเทิงให้ตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษออกมาคือ Space Cab SLX R และ SX R แถมยังเป็นเจ้าแรกที่จัดการแข่งขันในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน เพื่อปลุกจิตสำนึกในการรู้คุณค่าของพลังงานอีกด้วย
รุ่นปี 1999
ต่อมาปี 1999 หรือ พ.ศ. 2542 ก็ได้มีการเพิ่มรุ่น Rodeo 4wd เข้ามาอีกหนึ่งรุ่นคือ รุ่น LS ที่เพิ่มในส่วนล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว 6 ก้านคู่ พร้อมยาง 205/80R16 รวมถึงปรับความสูงของตัวรถเป็น 1,740 มม. นะยะต่ำสุดจากพื้นเป็น 230 มม. เสริมด้วยฟังก์ชันภายในตัวรถทั้งเครื่องประบอากาศ เครื่องเสียง ลำโพง 2 จุด เบาะนั่งกึ่งกำมะหยี่ กระจกไฟฟ้าและเซ็นทรัลล็อก
รวมถึงช่วงล่างที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ขาลุยและบรรทุกสิ่งของด้วยช่วงล่างแบบ Aussie Suspension ใช้โช้คอัพแก๊สทั้งสี่ล้อ เพื่อสร้างความนุ่มนวลในยามที่ต้องขับบนเส้นทางโหดๆ หรือบนถนนที่เรียบก็จะสัมผัสได้ถึงความนุ่มสบายที่ดีกว่าเดิม
รุ่นปี 2001
ปิดท้ายกันที่รุ่นปี 2001 หรือ พ.ศ. 2544 ที่ทางค่าย Isuzu ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนโฉมในปีนี้ให้ดูมีความสปอร์ตและทันสมัยมากกว่าเดิม ด้วยชุดแต่งรอบคันที่เสริมสร้างความดุดันให้กับตัวรถ รวมไปถึงยังเพิ่มสีทูโทนให้รถดูสวยมากยิ่งขึ้น และก็ถือได้ว่าเป็นการปิดตำนานของ Isuzu Dragon Eyes ลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อสร้าง Isuzu D-Max ขึ้นมาเพื่อสานต่อความสำเร็จในการเป็นรถกระบะยุคใหม่นั่นเอง
Isuzu Dragon Eyes เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Isuzu Dragon Eyes
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ Isuzu Dragon Eyes ได้เข้ามามีบทบาทในวงการรถกระบะ แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้สร้างความสำเร็จจนกลายเป็นรถกระบะยอดนิยมแห่งยุค 90s ที่ผู้คนต่างใช้งานกันทั่วบ้านทั่วเมือง สำหรับใครที่กำลังมองหามือสองไว้เพื่อนำมาเก็บสะสมเป็นความทรงจำ หรือจะนำมาตกแต่งรักษาตามความชอบ ก็ต้องบอกเลยว่าราคานั้นจับต้องง่ายและมีรถให้เลือกเยอะอยู่พอสมควร และที่สำคัญอย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถและปัญหาต่างๆ ให้เป็นอย่างดีก่อนที่จะเป็นเจ้าของ Isuzu Dragon Eyes